เรื่องคลาสสิกหนึ่งที่เราทุกคนจะได้เจอในช่วงชีวิต
คือเรื่องความแตกต่างของวัย
ตอนเรายังเด็ก เราจะรู้สึกว่าเราไฟแรง มีวิธีคิดที่ใหม่ทันสมัย และมีแนวโน้มว่าจะมองคนรุ่นผู้ใหญ่ว่าความคิดล้าสมัย ไม่ทันยุค
พอเราเติบโตขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ถึงจุดหนึ่งความคิดของเราก็จะเปลี่ยนไป
มาอยู่ในจุดที่เริ่มถูกเรียกว่าผู้ใหญ่ และมีน้อง ๆ รุ่นหลังตามมา
หลายคนก็เริ่มจะเกิดความคิดที่ว่า เด็กสมัยนี้มันคิดอะไรของมัน ไม่ไหวเลย ยังอ่อนหัดนะ
อ้าว รู้สึกตัวอีกที จากเด็กที่มองว่าผู้ใหญ่ล้าสมัย กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มองเด็กว่าไม่ได้เรื่อง ไปเสียแล้ว
.
.
เมื่อเดือนที่แล้วมีบทความหนึ่งของคุณแชมป์ ทีปกรที่อ่านแล้วก็รู้สึกว่าสะท้อนเรื่องนี้ดีเหมือนกัน
ว่าด้วยเรื่องมุมมองของคน Gen Z ต่อคน Gen Y
“ไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นบ้าอะไ
“พวกเทรนด์อาหารแบบไอติมชาร์โคล อวาคาโด้โทสต์แม่งโคตรไม่จำเป็น ทำไมต้องทำให้ทุกอย่างเป็นเทรนด์ด้วย ผมคิดว่าพวกเขาหลงตัวเองซะเยอะ มิลเลเนียลส์เป็นยุคที่สร้างเทรนด์การถ่ายเซลฟี่ แล้วก็อินสตาแกรมแอคเคานท์ที่ลงแต่รูปท่องเที่ยวขึ้นมา พวกเขาหมกมุ่นกับตัวเอง ในเจนผมเราไม่แคร์มากว่าเราจะโพสต์อะไรในโซเชียลมีเดีย”
และคำวิจารณ์อื่น ๆ อันแสนดุเดือดต่อคน Gen Y (ไปอ่านต่อที่บทความต้นทางของคุณแชมป์ได้)
ในฐานะที่ผมเป็นคน Gen Y หลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนกัน
เออ เราไม่ใช่ “เด็กรุ่นใหม่” อีกต่อไป และเริ่มกลายเป็น “ผู้ใหญ่ที่ล้าสมัย” ในสายตาเด็ก ๆ ไปแล้ว
.
.
ในทางกลับกัน ผมก็ยังเห็นผู้ใหญ่ที่มีมุมมองต่อเด็กรุ่นใหม่ในทำนองที่ไม่โอเคเป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน
ขั้นหนักก็ว่าเสีย ๆ หาย ๆ ว่าเด็กยังไร้เดียงสา เหลาะแหละ ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง หรือด่าทอด้วยคำที่ไม่เหมาะสมออกสาธารณะ
เรียกได้ว่า ดุเดือดไม่แพ้เด็กวิจารณ์ผู้ใหญ่กันเลยทีเดียว
.
.
ด้วยความที่คนเราเกิดในยุคที่แตกต่างกัน สภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมจนเกิดมาเป็นตัวตนก็ต่างกันไป ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยขึ้น
มุมมองของคนต่างวัยจึงแตกต่างกันเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างวัยเป็นสิ่งที่สามารถจัดการให้ลดลงได้
ด้วยการเคารพซึ่งกันและกัน พูดคุยกัน รับฟังกันให้มาก
เพราะอันที่จริงแล้ว ทั้งความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ มีจุดแข็งของมันทั้งคู่
ความเป็นเด็กทำให้กล้าเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ทดลองในสิ่งที่ยังไม่รู้ พร้อมที่จะเปิดรับความเป็นไปได้ต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต
ความเป็นผู้ใหญ่นั้นเปี่ยมด้วยประสบการณ์ ผ่านการลองผิดลองถูกตกผลึกมาแล้ว สามารถให้บทเรียนกับคนรุ่นหลังได้
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หากเราทำความเข้าใจซึ่งกันและกันแล้ว
เราจะพบว่าทั้งสองวัยก็มีข้อดีที่สามารถเติมเต็มและสนับสนุนซึ่งกันและกันได้
ซึ่งที่สุดแล้วได้ประโยชน์กว่ามาดูถูกกันไปมาเยอะครับ 🙂