Categories
Life

ผมไม่ชอบการเขียน

เอาจริง ๆ นะ ระยะหลังมานี้ผมรู้สึกไม่ชอบการเขียนเลย

เมื่อก่อนเคยเขียนบล็อก เขียนบทความต่าง ๆ ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากคนอ่าน

บ้างก็มาขอบคุณที่งานเขียนของเราก่อให้เกิดประโยชน์กับเขา

ไปจนถึงขั้นมาขอใช้ข้อมูลของบล็อกไปประกอบการเขียนธีสิส

ทุกครั้งที่ได้รับฟีดแบ็กดี ๆ ที่เกิดจากงานเขียน เราดีใจมาก

ดีใจที่งานของเราสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนได้

แต่ท้ายที่สุดแล้วเรากลับรักษาความสม่ำเสมอของการเขียนเอาไว้ไม่ได้เลย

บล็อกของเราก็ปิด ๆ เปิด ๆ มาหลายเวอร์ชันแล้ว

จริง ๆ เรียกได้ว่าปัจจุบันลามมาจนถึงการอัพเดทสเตตัสในโซเชียลเน็ตเวิร์กแล้วล่ะ

.

.

ไม่ได้เขียนอะไรยาว ๆ มานานมากแล้ว

พอกลับมาสำรวจตัวเองก็ค้นพบว่าความไม่ชอบการเขียนมันเพิ่มพูนขึ้นมากตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

พอสัมผัสถึงความไม่ชอบการเขียนของตัวเองได้ก็เลยมาลองตั้งคำถามดูว่าทำไมเราไม่ชอบการเขียนขนาดนี้

คำตอบที่ได้ คือ การจะเขียนอะไรสักอย่างมันเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลาและพลังงานมาก

หลายครั้งตั้งใจอยากจะเขียนบ่อย ๆ แต่ด้วยความที่เราไม่เคยจัดลำดับให้มันอยู่ในหมวดเรื่องที่สำคัญและแบ่งเวลาให้มันจริงจัง เวลามีเรื่องอื่นเข้ามา เราจึงทอดทิ้งการเขียนไปเป็นอันดับแรก ๆ

เมื่อไม่แบ่งเวลาให้มันแล้ว แน่นอนว่าความตั้งใจที่จะเขียนอย่างต่อเนื่องไม่อาจจะเป็นจริงได้แน่นอน

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้น จนสุดท้ายก็เหนื่อยและ ความเหนื่อยนั้นก็ทับถมกันจนกลายเป็นความไม่ชอบไปในที่สุด

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมกำลังจัดการชีวิตให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เลยถือโอกาสนี้ย้อนกลับมาทบทวนตัวเอง

ไอ้ที่ว่าไม่ชอบการเขียนเนี่ย เราเคยกลับมาแก้ปัญหาจริง ๆ หรือยังนะ เคยเผชิญหน้ากับรากของความรู้สึกนี้อย่างจริงจังหรือเปล่า

คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า “ยัง”

เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วผมจึงกลับมาลองเผชิญหน้ากับมันดู

ลองพาตัวเองกลับมาเขียนอีกครั้ง

อยากจะบอกว่าถึงกับลงคอร์สการเขียนเพิ่มเลยล่ะ

แม้ว่ามันจะต้องฝืนความรู้สึกสักหน่อยในตอนแรก

แต่ก็น่าจะคุ้มค่ากัน ถ้ามีโอกาสได้รับฟีดแบ็กดี ๆ จากผู้อ่านอีกครั้ง

ความรู้สึกตอนนั้นมันดีจริง ๆ นะ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ 🙂