หลังจากอัพเดตบล็อกติดต่อกันมาได้ 7 วัน
วันนี้ได้แนวร่วม เปิดบล็อกใหม่มาเขียนแบบต่อเนื่องด้วยอีก 1 คน
คือน้องโบแห่ง Boboat Yogi Life
(มีสอนโยคะฟรีด้วยนะ ไปตามกันได้)
น้องโบส่งบทความแรกมาให้อ่าน เป็นเรื่องเกี่ยวกับความฝันในสมัยอนุบาล
ผมอ่านแล้วก็เลยลองนึกย้อนกลับไปบ้าง
เท่าที่จำความได้ ความใฝ่ฝันแรกที่เกี่ยวกับตัวตนในอนาคตของตัวเองคือ
อยากเป็นหมอ
เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะได้ยินมาว่าดีนั่นแหละ
ความฝันนี้เหมือนจะอยู่กับเราได้สักพัก แต่ไม่ได้ทำให้อินสักเท่าไรนัก
จนมาถึงจุดนึง น่าจะช่วงประถมล่ะมั้ง
อันนี้เป็นความฝันที่อยู่กับเราค่อนข้างนานเลยล่ะ
ตอนนั้นเราอยากเป็นนักสืบ
นักสืบในภาพฝันของเราเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม ช่างสังเกต คลี่คลายเรื่องซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย
ประมาณเชอร์ล็อคโฮล์มนั่นแหละ
เฮ้ย เท่ชะมัดเลย อยากเป็นคนเจ๋ง ๆ แบบนั้นบ้างอะ
ช่วงนั้นซื้อหนังสือปริศนาไขคดีมานั่งคิดตามเยอะเลยนะ คิดออกบ้างไม่ออกบ้างแต่ก็พยายามมาก หวังว่าอีกหน่อยทักษะนี้จะมีประโยชน์
โดยหารู้ไม่ว่าการเป็นนักสืบในโลกแห่งความเป็นจริงต่างกับเรื่องของโฮล์มมาก ๆ เลย😂
โถ เจ้าเด็กน้อย ฮ่าๆ

อย่างไรก็ตาม พอมองย้อนกลับไปมันก็สนุกดีนะ
ในวันที่เราเป็นเด็กน้อยไม่รู้อะไรมาก
ความฝันของเรามันไม่มีกรอบของความเป็นจริงมากขีดกั้นเอาไว้เลย
แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ รู้มากขึ้น
ความฝันเราก็ยังมีอยู่ แต่อ้างอิงกับความเป็นจริงมากขึ้น
จะว่าไม่ดีไหม มันก็ไม่ใช่หรอก
ความฝันก็ยังคงเป็นความฝัน แต่มันแปรรูปไปตามประสบการณ์และกาลเวลา
แต่คุณสมบัติของความฝันอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าจะตอนเป็นเด็กหรือโตแล้วก็ตาม มันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
คือ การเป็นแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนให้เราก้าวไปข้างหน้า ไปสู่จุดที่เราต้องการ
สู่ชีวิตที่เราอยากจะเป็น
สิ่งที่สำคัญ คือ อย่าลืมความฝัน เท่านั้นเอง
หรือถ้ายังไม่มีฝัน ก็อาจจะลองฝันดูสนุก ๆ ก็ได้นะครับ
ใครจะไปรู้ วันหนึ่งความฝันนั้นอาจจะพาคุณไปพบกับโอกาสใหม่ ๆ ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ได้ครับ